สัปดาห์นี้ รายการ “เจาะใจ” เป็นเรื่องราวดีๆที่น่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคน
ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ ถ้าคุณพยายามและลงมือทำ โดยพิธีกร “ดู๋-สัญญา คุณากร”
พาไปพบกับ “เอก-พิชัย แก้ววิชิต” มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่หลงรักการถ่ายภาพ
และเผยแพร่ผลงานของตัวเองที่ฝีมือการถ่ายภาพสวยงามระดับมืออาชีพบนอินสตาแกรมเมื่อปลายปีที่แล้ว
จนมีผู้ติดตามผลงานของเขาเป็นจำนวนมากและล่าสุดเขาคือหนึ่งในศิลปินที่ได้จัดแสดงภาพในนิทรรศการ
“ACCIDENTALLY PROFESSIONAL EXHIBITION”
ที่บ้านอาจารย์ฝรั่ง ศิลป์ พีระศรี อีกด้วย
พิชัย แก้ววิชิต เล่าว่า
“ผมเคยเป็นคนที่บอกตัวเองว่าชีวิตเหมือนไม่มีแสงสว่าง ไม่มีโอกาส
เพราะเกิดและเติบโตมาในสลัม พ่อติดเหล้า ทะเลาะกับแม่ เป็นหนี้นอกระบบ ความรู้มีเพียงแค่ชั้นป.6
มีอาชีพเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้คือ ขับวินมอเตอร์ไซด์เท่านั้น
เป็นได้เพียงคนหาเช้ากินค่ำ เพราะชีวิตที่ล้มลุกคลุกคลานมาตั้งแต่เด็ก
ไม่ได้เรียนหนังสือไปรับจ้างเป็นเด็กเข็นผักในตลาด เคยอยากกลับไปเรียน
แต่พอคิดถึงเงินเดือนสตาร์ทหลังเรียนจบแค่หมื่นกว่าบาทคงไม่พอต่อภาระที่มี
เลยกลับมาวิ่งวินมอเตอร์ไซด์เหมือนเดิม
เพราะรายได้ตรงนี้ให้มากกว่าถ้าเราขยันแล้วหลอกตัวเองว่าเราวิ่งวินจนได้ปริญญา
มันต่างจากรับปริญญาแล้วมาวิ่งรถ เราประสบความสำเร็จได้ประมาณนึงแล้ว
และผมก็ภูมิใจนะที่วันหนึ่งเราทำได้ แล้ว 10
กว่าปีก่อนผมได้รู้จักพี่คนหนึ่งชื่อจัง ซึ่งเป็นผู้โดยสารขาประจำ
เขาเอากล้องฟิล์มมาให้ลองใช้
ตอนนั้นก็คิดว่าถ้ามีกล้องและถ่ายเป็นผมก็จะได้ไปรับจ้างถ่ายตามงานต่างๆก็จะมีรายได้ดีกว่าขับวินแน่นอน
แล้วก็เริ่มไปช่วยงานพี่นิวช่างภาพอิสระ ผมเกิดความรู้สึกชอบว่านี่แหละคือที่ของเราอยากอยู่ในจุดของพี่เขาบ้างเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตผมตั้งแต่นั้นมา
การขับวินมอเตอร์ไซด์ไว้หาเงินเลี้ยงชีวิต การถ่ายภาพมันคือความสุขที่หล่อเลี้ยงใจ
เพราะการมองเห็นความงดงามในชีวิตเป็นเรื่องจำเป็น แรกๆใช้มือถือถ่าย
แล้วก็เริ่มซื้อกล้อง หัดถ่ายเรื่อยๆ จากนั้นก็เริ่มเล่นโซเชียลเริ่มลงรูปในอินสตาแกรม
รูปแรกเป็นรูปวัดอรุณฯในมุมมองของเรา แล้วลงมาเรื่อยๆพอ The Cloud เอาเรื่องไปออกก็มีคนติดตามมากขึ้น
จนพี่หนุ่มคนจัดนิทรรศการมาชวนให้เอาผลงานไปแสดง ความรู้สึกตอนนั้นคือดีใจมาก
ใครจะไปคิดว่าคนธรรมดามากๆคนที่ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง
จะมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นในชีวิตมันคิดไม่ถึงและมันเป็นเหมือนโอกาส วันนี้ชีวิตผมมีแสง
มีความหวังขึ้น ผมได้กำลังใจจากคนอื่นเยอะขึ้น
มีคนชื่นชมและทุกคนบอกให้ผมถ่ายรูปต่อไป
ผมจึงบอกตัวเองเสมอว่าวันนี้มันไม่ใช่วันแห่งความสำเร็จ
แต่มันเป็นก้าวแรกที่จะพาเราเดินไป มีอะไรที่ต้องเรียนรู้อีกเยอะ
ผมไม่รู้หรอกว่าอันไหนถูกหรือผิด แค่ถ่ายไปในบริบทที่ผมต้องการและทำมันไปเรื่อยๆ
เราทุกคนเป็นอะไรก็ได้ ทำอะไรก็ได้ แต่ขอให้เราเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด
อย่ากลัวที่จะฝัน”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น