ช่อง 3 จับมือ M Studio ผนึกกำลังสร้างโปรเจกต์หนังฟอร์มยักษ์
รับตลาดหนังไทยคึกคัก
พร้อมส่งออกทั่วโลก
ช่วงปี
2566 ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยถือว่า
เติบโตเป็นที่จับตามองเป็นอย่างมาก และจากการประสบความสำเร็จของภาพยนตร์ “ธี่หยด”
ที่กวาดรายได้ทั่วประเทศไปถึง 500 ล้าน ทำให้ ในปี 2567 ทั้งสองผู้นำด้านคอนเทนต์ยักษ์ใหญ่ ช่อง 3 และ
M Studio จึงได้ผนึกกำลังส่งภาพยนตร์ไทยออกมาให้ได้รับชมอย่างต่อเนื่อง
โดยในปีนี้จะได้รับชม 2 เรื่อง กับ “ธี่หยด 2”
และ “มานะแมน” และยังอยู่ในระหว่างกำลังดำเนินการเตรียมผลิตอีกมากกว่า
4-5 เรื่อง ซึ่งมั่นใจกับตลาดภาพยนตร์ไทยว่าจะมีผู้ชมให้การตอบรับเป็นอย่างดี
และพร้อมขยายสู่ตลาดโลกต่อไป
โดย
“คุณเทรซีแอนน์ มาลีนนท์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่ม สำนักกรรมการบริหาร”
ได้กล่าวถึงการร่วมมือครั้งนี้ว่า “ช่อง 3 ของเรา
นอกจากมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้ผลิต และผู้นำทางด้าน Entertainment
Platform แล้ว เรายังเน้นในเรื่องการจะเป็นผู้นำด้านผลิตคอนเทนต์ที่หลากหลายอีกด้วย
โดยได้ชูกลยุทธ์ Single Content Multiple Platform ก็คือหนึ่งคอนเทนต์สามารถต่อยอดไปได้ในหลายแพลตฟอร์ม
โดยเรามั่นใจในจุดแข็งที่มี คือเป็นผู้นำด้านการผลิตละครมายาวนาน มีบุคลากรทางการแสดงในสังกัดมากมายที่ได้รับความนิยม
และเป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้เรามีความพร้อมที่จะขยายธุรกิจไปสู่คอนเทนต์ที่หลากหลาย
ทั้งละคร เพลง โดยเฉพาะ ภาพยนตร์ ซึ่งการร่วมมือกับ M Studio ที่เป็นผู้นำด้านธุรกิจการสร้างภาพยนตร์และมีโรงฉายภาพยนตร์ที่มีคุณภาพ มีฐานคนดูให้การยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ทำให้มั่นใจว่าภาพยนตร์ที่ทำร่วมกันจะประสบความสำเร็จแน่นอน”
ส่วนทางด้าน
“คุณสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร M Studio” ได้กล่าวเสริมถึงความสำเร็จในธุรกิจภาพยนตร์ที่ทำร่วมกันที่ผ่านมา
อย่างเรื่อง “ธี่หยด” ว่า “ในไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยเติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดด
สัดส่วนคนดูภาพยนตร์ไทยโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เป็นปีแรกที่จำนวนคนดูภาพยนตร์ไทยมีจำนวน มากกว่าจำนวนคนดูภาพยนตร์ Hollywood 55% : 45 %
โดยภาพยนตร์ไทยเพียง 3 เรื่องในไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 ทำรายได้รวมกันมากกว่าหนึ่งพันล้านบาท
หรือคิดเป็นจำนวนบัตรชมภาพยนตร์กว่า 10 ล้านใบ และหนึ่งในนั้นคือภาพยนตร์เรื่อง
ธี่หยด ที่เป็นการร่วมมือกันผลิตระหว่าง M Studio และ ช่อง 3
ทำรายได้ทั่วประเทศไปถึง 500 ล้านบาท รวมถึงทำสถิติใหม่ ๆ ให้วงการภาพยนตร์ไทย
ไม่ว่าจะเป็นสถิติการเปิดตัวสูงสุดในปี 2566 ทำรายได้ทั่วประเทศ 39 ล้านบาทใน 1
วัน, เป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำเงินร้อยล้านไวที่สุดแห่งปีภายใน 3
วัน, ภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่ฉายในระบบ IMAX DMR โดยมียอดคนดูเปิดตัวสูงกว่าหนัง Hollywood ทุกเรื่องที่เข้าฉายในปี
2566 และบริษัท เอ็ม สตูดิโอ จำกัด พร้อมผลักดันอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยสู่ตลาดโลก
ซึ่ง ธี่หยด
ก็นำร่องเป็นภาพยนตร์ไทยที่มีรายได้สูงสุดในแต่ละประเทศที่ไปฉายไม่ว่าจะเป็น
กัมพูชา เวียดนาม สิงคโปร์ ไต้หวัน เป็นต้น รายได้รวมกันมากกว่า100 ล้านบาท สำหรับ ต่างประเทศ และ
เราเชื่อมั่นว่าหนังไทยจะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ใช่เฉพาะในเมืองไทย
แต่ว่าได้ความนิยมไปทั่วโลก ซึ่งในขณะนี้ ธี่หยด ได้ถูกนำ ไปฉายในโรงภาพยนตร์ต่างประเทศกว่า
20 ประเทศแล้ว”
ซึ่ง
“คุณเทรซี” ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงไลน์อัพภาพยนตร์ที่จะฉายในปีนี้อีกว่า
“ในปีนี้เราจะมีภาพยนตร์ที่ร่วมผลิตกับทาง
M Studio 2 เรื่อง คือ “มานะแมน” สร้างสรรค์ความสนุกโดยคุณ
ยอร์ช ฤกษ์ชัย และ กำกับการแสดงโดย คุณต้อม ปิยะพันธุ์ ชูเพชร นำแสดงโดย นาย ณภัทร
เสียงสมบุญ พระเอกของ ช่อง 3 ร่วมด้วย โอ๊ต ปราโมทย์ ปาทาน และ จ๊ะ นงผณี มหาดไทย
นักร้องนักแสดงชื่อดัง โดยมีแผนจะเข้าโรงภาพยนตร์ในช่วงกลางปีนี้
พร้อมทั้งสานต่อความสำเร็จของภาพยนตร์สยองขวัญกับ “ธี่หยด 2”
ควบคุมการผลิตโดยทีมงานคุณภาพจากภาคแรก คุณณฤทธิ์ ยุวบูรณ์ และกำกับการแสดงโดยคุณคุ้ย
ทวีวัฒน์ เช่นเดิม แต่ครั้งนี้จะกลับมาอย่างสนุกกว่าเดิม สยองกว่าเดิม
และยังคงได้พบกับเฮียยักษ์ขวัญใจคอหนัง ณเดชน์ คูกิมิยะ พระเอกที่แฟน ๆ ทุกคนรัก
พร้อมด้วยดาวรุ่งดวงใหม่ของช่อง 3 เดนิส เจลีลชา, จูเนียร์
กาจบัณฑิต และเฟรนด์ พีระกฤตย์ ตอนนี้อยู่ในระหว่างการถ่ายทำ
และมีกำหนดการจะเข้าโรงภาพยนตร์ในช่วงปลายปีนี้ และแน่นอนว่าจะเข้าในระบบ IMAX
เช่นเดียวกับธี่หยดภาคแรกแน่นอน”
และสุดท้าย
“คุณสุรเชษฐ์” ได้ย้ำถึงการร่วมมือกันในครั้งนี้ว่า “การร่วมมือกันครั้งนี้ถือเป็นการนำจุดแข็งทางธุรกิจของทั้งสองฝ่ายมาสร้างสรรค์ภาพยนตร์ไทยเพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในภาพรวมที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งในปัจจุบันภาพยนตร์ไทยมีกระแสตอบรับที่ดีมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในและต่างประเทศ
จึงอยากถือโอกาสนี้ในการส่งมอบความสุขความประทับใจผ่านการถ่ายทอดเรื่องราวของภาพยนตร์ไทยไปยังผู้ชมทั่วโลกเป็นสื่อในการเผยแพร่นำศิลปวัฒนธรรม
รูปแบบความเป็นไทย การท่องเที่ยว รวมถึงสินค้าและบริการต่าง ๆ
ของไทยให้เป็นที่รับรู้และได้รับความนิยมไปทั่วทุกมุมโลก นอกจากนี้การทำงานที่ใกล้ชิดของ
M Studio และช่อง 3 ยังได้ครอบคลุมไปถึงการจับมือร่วมกันกับพันธมิตรและคู่ค้าทางธุรกิจ
ที่ให้ความสนใจและให้การตอบรับในการเข้าร่วมสนับสนุนภาพยนตร์ไทยของเราในครั้งนี้ด้วย
ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ ๆ ร่วมกัน (Innovation &
Collaboration) ทั้งในด้านการตลาด
และสื่อโฆษณา รวมถึงกิจกรรม บนโลกออนไลน์ และ กิจกรรม ลงพื้นที่ ต่าง ๆ (On
Air, Online, On Ground) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของแบรนด์พันธมิตร
โดยมุ่งเน้นถึงการสร้าง Brand Engagement และ
การสร้างประสบการณ์ที่ดี Movie Experience ในการชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์
เป็นสำคัญ”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น