รายการ “เจาะใจ” โดยพิธีกร “ดู๋-สัญญา
คุณากร” สัปดาห์นี้ขอพาผู้ชมออกนอกสตูดิโอ บุกไปถึง อ.ทุ่งสง
จ.นครศรีธรรมราช
เพื่อเยี่ยมชมบ้านที่สร้างจากน้ำพักน้ำแรงของ 2 สาวน้อยมหัศจรรย์ “เจนนี่-รัชนก
สุวรรณเกต” และ “ลิลลี่-นารีนาท เชื้อแหลม” เจ้าของเพลงฮิต
“เลิกคุยทั้งอำเภอเพื่อเธอคนเดียว”
พร้อมพูดคุยกับคุณแม่ถึงเส้นทางชีวิตอันยากลำบากที่กว่าจะโด่งดังมีชื่อเสียงอย่างทุกวันนี้ได้
3 คนแม่ลูกต้องผ่านบททดสอบมากมาย เพราะทั้งชีวิตโตมากับคำว่า หนี้
เคยถูกเจ้าหนี้ขู่ฆ่าจนต้องย้ายบ้านหนีนับครั้งไม่ถ้วน
สุดท้ายพบว่าการหนีไม่ใช่การแก้ปัญหา
พวกเธอกลับมาตั้งหลักแล้วสู้ใหม่กับการทำเพลงเผยแพร่สู่โลกออนไลน์จนกลายเป็นเพลงฮิตกระแสแรง
ทำให้มีงาน มีเงินที่สามารถปลดหนี้ให้ครอบครว และประสบความสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้
เจนนี่
เล่าว่า “ตอนนี้ก็มีคิวคอนเสิร์ตเยอะมากพอสมควร
มีผลงานการแสดงภาพยนตร์ให้ได้ชมกันค่ะ
สำหรับบ้านหลังนี้ซื้อจากน้ำพักน้ำแรงจากการทำงานของพวกหนู เป็นบ้านหลังที่ 2
ที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
และที่ดินๆข้างๆบ้านก็ซื้อไว้เพื่อทำเป็นบริษัทและสตูดิโอเพื่อทำงาน มีวง
มีแดนเซอร์ นักร้องในค่ายเป็นของตัวเอง
ซึ่งกว่าจะมีวันนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ เมื่อก่อนหนูอยู่กับแม่ 2 คน
เพราะแม่กับพ่อเลิกกัน แม่เลี้ยงหนูคนเดียวด้วยอาชีพนักร้อง
แม่ไปร้องเพลงที่ไหนก็จะเอาเจนนี่ไปด้วย
จริงๆแม่ไม่ได้ชอบร้องเพลงแต่ต้องร้องเพราะต้องหาเงินมาเลี้ยงลูก ส่วนหนูก็ช่วยแม่ทำงานหาเงินตั้งแต่เด็กๆ
พอแม่เลิกร้องเพลงก็มาเปิดร้านขายขนมจีนเป็นเพิงเล็กๆ หนูก็ตื่นตั้งแต่ตี 3
ทุกวันเพื่อช่วยแม่ จนแม่แต่งงานใหม่กับพ่อของลิลลี่แล้วมีลิลลี่
ด้วยความลำบากตอนนั้นแถมต้องไปกู้หนี้ยืมสินเขามาครอบครัวเราก็ย้ายไปหางานทำใหม่ที่ภูเก็ต
โดยไปขออาศัยแบ่งบ้านญาติอยู่ผ่านไป 2 ปี พ่อลิลลี่กับแม่เลิกกัน เรา 3
คนแม่ลูกจึงย้ายไปทำมาหากินที่ อ.รัษฎา จ.ตรัง ตอนนั้นแม่กับเจนนี่
ก็เริ่มรับจ้างร้องเพลงตามงานแต่งงานบวช กลางคืนทำงาน กลางวันเรียนหนังสือ
หนูเรียน ม. 2 ตอนนั้นเหนื่อยมาก แต่เมื่อรายได้มันน้อยกว่ารายจ่าย
แถมเพื่อนแม่มาโกงอีก แม่ก็ต้องไปยืมเงินนอกระบบมาจนทำให้เป็นก้อนใหญ่หลักล้าน
จนถูกตามทวงหนี้ ก่อกวน จนถึงขั้นตามขู่ทำร้าย จนถึงขั้นขู่ฆ่า เคยหนีไปซ่อนที่โรงแรมม่านรูดเป็น
10 คืน แบบไม่ออกไปไหนเลย ค่าห้องก็ไม่มีจ่ายจนเจ้าของโรงแรมเรียกตำรวจมาว่าเกิดอะไรขึ้น
เราหนีกันไปเรื่อยๆทำงานสารพัด เจนนี่กับแม่นอนร้องไห้ทุกคืน เราก็พยายามทำทุกวิถีทางหาเงินผ่อนแต่สุดท้ายก็ไม่ไหว
เลยหนีอีกแต่ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย หนีมาอยู่ อ.ทุ่งสง
แล้วยอมเปิดเผยกับเจ้าหนี้ทุกคนขอเวลาผ่อนแบบรายวันสูงสุดเราไม่หนีแล้วและเราจะจ่าย
กลางวันก็ไปเรียน เย็นไปขายรองเท้า ค่ำไปร้องเพลงประมาณ 5 ร้าน
โดยแม่กับน้องไปตามเฝ้าทุกที่ จนชีวิตเริ่มดีขึ้นจากการอัพเพลง “ได้หมดถ้าสดชื่น”
ลง เฟสบุ๊คมียอดวิวหลักแสนภายในคืนเดียว มีคนมาติดตามเป็นหลักล้าน หนูงงมากตอนนั้น
ตื่นเช้ามาเหมือนเกิดใหม่ มีคนโทรมาชวนให้ไปออกทีวี มีคนจ้างงาน
หนี้สินเคลียร์ให้ทุกคนได้หมด หลังจากนั้นก็มีงานเข้าทุกวัน จนซื้อรถ
ซื้อบ้านได้ค่ะ จากคนที่ต้องเช่าบ้านอยู่ พอบอกแม่ว่าจะพาไปดูบ้าน
เมื่อถึงวันนัดเซ็นสัญญาซื้อบ้านด้วยเงินสด 4ล้าน 2 แสนบาท
แม่ร้องไห้เลยถามหนูว่านี้เราฝันไปหรือเปล่า ส่วนลิลลี่ดีใจวิ่งรอบบ้านเลย
ส่วนบ้านที่เราอยู่ตอนนี้เป็นบ้านหลังที่ 2 แล้ว
เพราะต้นปีที่ผ่านมาเริ่มอยากมีค่ายเพลงเป็นของตัวเอง มีวง มีแดนเซอร์เป็นของตัวเอง
ทุกคนจะต้องภูมิใจในตัวหนู แม่หนูจะต้องเปลี่ยนไป
เพราะที่ผ่านมาเหมือนคนไม่มีหน้ามีตาในสังคมเพราะเป็นหนี้เยอะ หนีกันมาตลอดชีวิต
และตั้งใจว่าจะต้องมีบ้านอีกหลังที่ติดกับค่ายจะได้ไม่ต้องเดินทางไปมา
ตอนนี้ก็ค่อยๆเรียนรู้การทำค่ายเพลงไป โดยมีลิลลี่เป็นศิลปินคนแรกของค่าย
และเพิ่งออดิชั่นน้องๆมาอีก 2 คน อยากสร้างผลงานต่อไป
และอยากให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ได้มาอยู่ในค่าย และยังจะเขียนเพลงไปเรื่อยๆ
ซึ่งตอนนี้ก็มีเขียนเพลงให้สินค้าหลายตัว ”
ด้านลิลลี่
เล่าว่า “หนูชอบร้องเพลงตั้งแต่เด็กๆ เป็นเด็กกิจกรรมของโรงเรียน เมื่อก่อนตอนพี่เจนนี่มีคอนเสิร์ต
“ได้หมดถ้าสดชื่น” ถึงช่วงพักลิลลี่ก็จะขึ้นไปร้อง ตอนหลังพี่เจนนี่เขียนเพลง
“โสดแล้วนะ” ก็ให้ลิลลี่ไปร้องท่อนแรป ซึ่งเมื่อก่อนก็ไม่ค่อยมีใครรู้จักหนู
จนพี่เจนนี่แต่งเพลง “เลิกคุยทั้งอำเภฮเพื่อเธอคนเยว”ให้ร้อง ตินแรกยังถามพี่เจนนี่ว่ามันจะดังเหรอ
แล้วมันก็ดังจริงๆจนเราตั้งตัวไม่ทัน ช็อกไปเลย มันทำให้เรามีทุกอย่าง มีค่ายเพลง
มีบ้าน มีรถ เชื่อว่าที่พวกเรามีทุกวันนี้ได้เพราะความกตัญญู
มันเป็นเหตุผลเดียวที่เปลี่ยนชีวิตพวกเรา เราเคยลำบาก เคยอดข้าว ไม่มีที่ซุกหัวนอน
ต้องหนีเจ้าหนี้ แต่พวกหนูไม่เคยทิ้งแม่ มันจึงเป็นผลตอบแนเป็นวันนี้”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น