เจาะลึก 4 ละครช่อง 3 เข้ารอบสุดท้าย รางวัล Asian Academy Creative Awards 2019 ประกาศผลธันวาคมนี้ ที่ประเทศสิงคโปร์ - สมาคมนักข่าวบันเทิง official

Sidebar Ads

Post Top Ad

Responsive Ads Here

วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

เจาะลึก 4 ละครช่อง 3 เข้ารอบสุดท้าย รางวัล Asian Academy Creative Awards 2019 ประกาศผลธันวาคมนี้ ที่ประเทศสิงคโปร์




รางวัล Asian Academy Creative Awards 2019 เป็นรางวัลคนบันเทิงยิ่งใหญ่ระดับเอเชีย ซึ่งจะมีการประกาศผลรางวัลในวันที่ 6 ธันวาคม 2562 ที่ประเทศสิงคโปร์ สำหรับในปีนี้มีคอนเทนท์ต่างๆของประเทศไทยที่ได้คัดเลือกเป็นตัวแทนของประเทศ ที่เรียกว่า Regional Winner เพื่อไปเข้าชิงกับคู่แข่งอีก 15 ประเทศ เพื่อเลือกผู้ชนะเลิศของทวีปเอเชียในส่วนของคอนเทนท์ละคร และละครช่อง 3 ได้เป็น Regional Winner ส่งเข้าชิงถึง 9 รางวัล ซึ่งมากที่สุด จากผลงานของละคร 4 เรื่องได้แก่  กรงกรรม” 6 รางวัล, “ทองเอก หมอยาท่าโฉลง” 1 รางวัล, “อังกอร์” 1 รางวัล  และ “วัยแสบสาแหรกขาด โครงการ 2” 1 รางวัล มาร่วมเจาะลึกรางวัลของละครแต่ละเรื่องว่ามีรางวัลอะไรบ้าง 






เริ่มกันที่ละคร “กรงกรรม” ที่มีผลงานเข้ารอบถึง 6 รางวัล ได้แก่ รางวัล Best Drama Series ละครยอดเยี่ยม, รางวัล Best Actor in a Leading Role นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม “เจมส์ จิรายุ”, รางวัล Best Actor in a Supporting Role “เด่นคุณ งามเนตร”, รางวัล Best Actress in a Supporting Role “แพร์ พิชชาภา”, รางวัล Best Direction (Fiction) โดย “อ๊อฟ พงษ์พัฒน์”, รางวัล Best Theme Song ได้แก่ เพลง “ผิดหรือที่รักเธอ” ร้องโดย “ใหม่ เจริญปุระ” เหตุผลที่ทุกคนต้องดู “กรงกรรม” ทั้งๆที่เป็นละครสะท้อนสังคมดราม่าหนัก ไม่ใช่ละครเน้นความสวยงามมีตอนจบ พระ-นาง ต้องรักกัน แต่การวางโครงเรื่องของ “กรงกรรม” อัดแน่นไปด้วยสาระ นำเสนอ‘ความรัก’ในหลายรูปแบบ ตัวละครหลัก “นางย้อย” แม่ผัวที่รักลูกชายมากกว่าตัวเอง ตั้งความคาดหวังกับลูกทุกคน และ“เรณู” ลูกสะใภ้โสเภณีสู้ชีวิต ที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้ชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม เมื่อความรักตั้งอยู่บนความคาดหวังความเสียใจและผิดหวังจึงตามมา ถึงตัวหลักทั้งสองจะเป็นตัวเดินเรื่อง แต่แทนที่จะทิ้งน้ำหนักไว้ที่ตัวละครทั้งสอง ละครยังให้ความโดดเด่นกับตัวละครอื่นๆเท่าๆกัน ไม่มีตัวไหนถูกทิ้งให้ด้อยลง คนดูจึงเกิดความรักในตัวละครทุกตัว ประกอบกับการแสดงที่ดีมากของนักแสดงในเรื่องทั้ง ใหม่-เจริญปุระ, เบลล่า-ราณี, เจมส์-จิรายุ, แพร์-พิชชาภา และ เด่นคุณ งามเนตร ที่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกให้กับคนดูอย่างเต็มที่ และเกิดความรักในละคร “กรงกรรม” จนได้รับเลือกเข้าชิงรางวัล ละครดราม่ายอดเยี่ยม, ผู้กำกับ และเพลงประกอบละครยอดเยี่ยม





ในส่วนนักแสดงเริ่มที่ “เจมส์ จิรายุ” เข้าชิงรางวัล Best Actor in a Leading Role ในบท
“อาซา” ลูกชายคนที่สามของแม่ย้อย ที่ดูเหมือนบทจะง่าย วางพื้นฐานไว้ให้เป็นเด็กผู้ชายโลกสวย เชื่อฟังพ่อแม่ เสียสละ และอยู่ในกฎระเบียบของแม่ย้อย ทั้งที่จริงๆแล้วบทของ อาซา มีความซับซ้อนทางความคิดและจิตใจ มีความขัดแย้งในตัว สิ่งที่อยากทำ กับความเป็นจริง มันต่างกัน เจมส์-จิรายุ ต้องแสดงออกทางสายตา และร่างกาย เพื่อสื่อให้คนดูเข้าใจเห็นใจในความรู้สึก รัก กับ อึดอัด ในเวลาเดียวกันมันทรมาน อาซา เป็นคนดี น่ารัก น่าสงสาร และจิตใจงดงามไม่เสแสร้ง จึงเป็นที่รักของคนดูจนได้เข้าลุ้นรางวัลในครั้งนี้
ส่วน “แพร์-พิชชาภา” เข้าชิงรางวัล Best Actress in a Supporting Role ในบท “พิไล” ลูกสะใภ้คนที่สองของบ้านแม่ย้อย นิสัยทะเยอทะยาน ต้องการความเหนือกว่า และมีความโลภในจิตใจ ถือว่า แพร์-พิชชาภา ถ่ายทอดความรู้สึกคนขี้อิจฉา โลภโมโทสัน ออกมาได้แซ่บ..!!อย่างไม่น่าเชื่อ ความแซ่บ..!! ของ “ซ้อพิไล”
สามารถทำให้เกิดกระแสในสังคมออนไลน์ไปทั่วโดยเฉพาะ พันทิพ ว่าบทบาทนี้สามารถเข้าชิงได้ถึงรางวัลนำหญิงยังได้เลย เพราะแค่ฉากเดียว พิไล สามารถทำให้คนดูเกิดความรู้สึกหลากหลาย ทั้งสงสาร สมน้ำหน้า และเห็นใจในเวลาเดียวกัน อีกคนของละคร “กรงกรรม” คือ “เด่นคุณ งามเนตร” รางวัล Best Actor in a Supporting Role ในบท “ไอ้ก้าน” ชายหนุ่มแสนจนคนซื่อ ผู้ชายธรรมดาแสนธรรมดา แต่หน้าตาดีรูปร่างดี จนสาวๆแอบหลงรัก แต่มาชอบลูกสาวกำนัน รักจริงหวังแต่ง ทั้งๆที่ความรักครั้งนี้ความเป็นไปได้แทบจะไม่มี ต้องฝ่าฟันอุปสรรค์จนท้อแท้ เด่นคุณ งามเนตร ถ่ายทอดบทบาทของ ไอ้ก้าน ออกมาได้อย่างน่าสงสาร ทำให้ใครๆก็หลงรัก และชื่นชอบในบทบาทการแสดงจนเกิดแฟนคลับมากมาย กระแสโซเชียลกระหึ่ม..!! เอาใจช่วย ไอ้ก้าน ให้พิชิตใจพ่อตาแม่ยายได้สำเร็จ จนได้เข้าชิงรางวัลในครั้งนี้ ทีมละคร “กรงกรรม” ทั้งผู้กำกับ “อ๊อฟ พงษพัฒน์”, “เจมส์-จิรายุ”, “เด่นคุณ งามเนตร” “แพร์-พิชชาภา” รวมถึง “แดง-ธัญญาโสภณ” ผู้จัด, “น้องบีบี-เอกนรี” ลูกสาวคนเก่งทายาทละคร ร่วมเดินทางไปลุ้นการประกาศผลรางวัลในครั้งนี้ครบทีม



ทางด้านรางวัล Best Comedy Performance ได้แก่ “มาริโอ้ เมาเร่อ” จากเรื่อง “ทองเอก หมอยาท่าโฉลง” ละครพรีเรียด-คอมเมดี้ ย้อนยุค ที่มีความแปลกไม่เหมือนใคร เป็นละครตลกแฝงความจริงใจของหมอยาไทยโบราณคนหนึ่ง เป็นคนธรรมดา มีความตลกบนพื้นฐานของจิตใจ มีความมุ่งมั่นที่จะรักษาคนไข้ด้วยความจริงใจ พร้อมสอดแทรกสาระความรู้ทางยาสมุนไพรโบราณในการช่วยรักษาโรค ทำให้ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจ ซึ่งการคัดเลือกนักแสดงมารับบทถือว่าสำคัญ มาริโอ้-เมาเร่อ มีพื้นฐานของความเป็นคนตลก มีสายตาที่อ่อนน้อม จริงใจ ขี้เล่น จึงเหมาะสมลงตัว ทำให้พ่อหมอทองเอกได้รับความรักจากคนดูทั่วไปประเทศ และได้รับเลือกขึ้นเป็นตัวแทนประเทศไทยลุ้นรางวัล Best Comedy Performance ต่อไป



เมื่อมีผลงานละครและนักแสดงยอดเยี่ยม ก็ต้องมีรางวัล Best Original Screenplay เจ้าของบทประพันธ์และผู้เขียนบทโทรทัศน์ยอดเยี่ยม จากละครเรื่อง “วัยแสบสาแหรกขาด โครงการ 2” ได้แก่ “ณัฐิยา ศิรกรวิไล และทีมงาน เป็นละครโทรทัศน์ไทยแนวโรแมนติก-ดราม่า สร้างจากเค้าโครงเรื่องโดย ณัฐิยา ศิรกรวิไล เขียนบทโทรทัศน์โดย ณัฐิยา ศิรกรวิไล, กุศลิน เมฆวิภาต, ชญานิน, สายขิม, วาณี, กัลยาณมิตร กำกับการแสดงโดย ศุภณา ครุฑนาค นำแสดงโดย “อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ และ จ๊ะ-จิตตาภา แจ่มปฐม ละครน้ำดีตีแผ่ปัญหาสังคมที่กวาดรางวัลจากภาคแรกอย่างมากมาย สำหรับโครงการ 2 ถือว่ามีความเข้มข้นเพิ่มขึ้น ศึกษาทุกปัญหาแบบเจาะลึกมากกว่าภาคแรก สะท้อนปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นจริงในสังคมยุคปัจจุบัน ผ่านการแก้ปัญหาจากบุคคลที่เข้าใจปัญหา แต่บุคคลคนนั้นกลับมีปัญหาของตัวเองเช่นกัน เรียกว่าทิ้งจุดสำคัญของปัญหาเอาไว้หลายจุด เป็นเรื่องยากอีกเรื่องหนึ่งที่จะต้องทำให้คนดูไม่เครียดและร่วมติดตามเรื่องราวไปจนจบเรื่อง บทละครจึงสำคัญอย่างมาก ผู้เขียนบทและทีมงานต้องทำการบ้านศึกษาเรื่องราวอย่างละเอียดก่อนคนอื่นๆ เพื่อขยายให้คนดูเกิดความเข้าใจ รางวัลนี้จึงสำคัญ ถือเป็นความภูมิใจของคนไทยอีกหนึ่งรางวัลซึ่ง“คุณเอิน-ณิธิภัทร์” ผู้จัด ร่วมเดินทางไปลุ้นรางวัลด้วยตัวเอง

อีกหนึ่ง รางวัล Best Visual or Special FX in TV Series สุดยอด สเปเชี่ยลเอฟเฟค ที่น่าลุ้น กับละครเรื่อง “อังกอร์” เป็นผลงานสุดคลาสสิกของ ฉลอง ภักดีวิจิตร หรือ อาหลอง ซึ่งคนดูติดกันทั้งบ้านทั้งเมืองไม่ว่าจะมาทำในเวลาไหน ก็ยังคงความนิยมทั้งๆที่รู้เรื่องราวของ อังกอร์ กันแล้วส่วนใหญ่ เพียงแค่ได้ยินประโยคที่ว่า “ปิ้งไก่ ระเบิดภูเขา เผากระท่อม” จะรู้กันทันทีว่าละครแอคชั่น เอฟเฟคซีจี ฟอร์มไทยแลนด์กำลังมา และเมื่อเพลงขึ้น "เสมือนท้องฟ้าวิปริต แปรปรวนทันใด" แล้วสามารถร้องต่อประโยคได้ว่า... "เปรี้ยงปร้างสว่างไสวอันตรายไปทุกที่...อังกอร์..." แสดงว่าช่วงเวลาของเสือร้ายที่กำลังทำให้ป่าทั้งป่าปั่นป่วนได้เกิดขึ้นแล้ว คนตายต้องมี คนบาดเจ็บต้องมา นั่นคือ “อังกอร์” ละครแอ็คชั่น ดราม่า แฟนตาซี ทั้งหมดนี้คือความตั้งใจและใส่ใจของทีมงานค่าย อาหลองจูเนียร์ เมื่อละครออกอากาศทำให้เรตติ้งกระฉูดไม่แพ้เรื่องอื่นๆถือเป็นมหากาพย์ของละครที่ไม่เหมือนใคร การหลบหนีที่มาพร้อมความหวาดเสียว จากระเบิด อำนาจมนต์ดำ และจากสถานที่อันลี้ลับต่างๆ พร้อมกับ เอฟเฟคซีจี ที่ใส่มาเต็มที่ จึงส่งผลให้ละครเหมือนมีมนต์สะกด และได้เข้าลุ้นรางวัลในครั้งนี้


รางวัล Asian Academy Creative Awards 2019 จะประกาศผลในคืนวันที่ 6 ธันวาคม 2562 ณ โรงละครวิคตอเรีย ประเทศสิงคโปร์ ร่วมส่งกำลังใจ ร่วมลุ้นไปกับผลงานละคร ผู้จัด ผู้กำกับ นักเขียนบทละคร และนักแสดง ทั้ง 9 รางวัล กับละครทั้ง 4 เรื่อง ให้ได้รับรางวัลกันให้มากที่สุด
====โพสเมื่อ20/11/62====

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad

Responsive Ads Here